รีวิวหนัง The Fantastic Four First Steps (2025) เดอะ แฟนแทสติก 4 จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่

รีวิวหนัง The Fantastic Four First Steps (2025) เดอะ แฟนแทสติก 4 จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่
  • ชื่อหนัง: The Fantastic Four: First Steps
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: Superhero / Sci‑Fi / Adventure
  • ผู้กำกับ: Matt Shakman
  • ความยาว: 114 นาที
  • วันเข้าฉาย: รอบพรีวิวในสหรัฐฯ 25 กรกฎาคม 2025 และฉายทั่วไป 25 กรกฎาคม 2025
  • คะแนน IMDb: 7.5/10
  • นักแสดง
    • Pedro Pascal รับบท Reed Richards / Mister Fantastic
    • Vanessa Kirby เป็น Sue Storm / Invisible Woman
    • Joseph Quinn เป็น Johnny Storm / Human Torch
    • Ebon Moss‑Bachrach เป็น Ben Grimm / The Thing
    • Julia Garner เป็น Silver Surfer / Shalla‑Bal
    • Ralph Ineson รับบท Galactus

เรื่องย่อ

ตัดต่อจากประวัติเดิมของ Fantastic Four ทันทีในโลกคู่ขนาน Earth‑828 ที่อิงสไตล์ Retro‑futurism ยุค 1960 ทีมได้ใช้ชีวิตในฐานะฮีโร่รุ่นเก๋า และต้องเผชิญกับข่าวที่เปลี่ยนชีวิต Sue Storm เมื่อเธอทราบว่ากำลังตั้งครรภ์

ไม่นานต่อมา Silver Surfer ผู้ส่งสารจาก Galactus โลกจักรวาลที่หิวโหยปรากฏขึ้นเพื่อเตือนว่าพวกเขาต้องสูญเสียโลก หากไม่ยอมส่งมอบสิ่งที่สูงส่ง ทีม Fantastic Four จึงต้องรับมือภัยคุกคามระดับจักรวาล ท้าทายจิตใจ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และศรัทธาว่าพวกเขาจะปกป้องบ้านเกิดได้หรือไม่

รีวิว

The Fantastic Four: First Steps คือการ รีบูตที่เน้นความเป็นครอบครัว และผสมผสานความวินเทจอันสนุกสนานเข้ากับความท้าทายระดับจักรวาล ภาพยนตร์ล่องลอยอยู่ในโลกอารมณ์แบบ retro‑futuristic เปี่ยมด้วยชุดและงานออกแบบที่ยกย่องสไตล์ยุค 60 เหมือน The Jetsons หรือ Mad Men บวกกับพลังของเพลงประกอบจาก Michael Giacchino ที่เสริมความฝันให้โลกในหนังยังมีชีวิตและอารมณ์อบอุ่นแม้จะเผชิญภัยอันใหญ่หลวง

Pedro Pascal และ Vanessa Kirby รับบท Reed และ Sue ได้ลงตัวในบทบาทของคู่สามี-ภรรยาที่ใช้ชีวิตฆ่าเวลาทำภารกิจฮีโร่ไปพร้อมกัน ท่ามกลางความกังวลเรื่องการเป็นพ่อแม่ และการปกป้องลูกน้อย Franklin ยังช่วยเติมมิติของ “ความหวังในอนาคต” ให้เรื่องเงียบลึกขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายรายมองว่า ตัวละครบางตัวเช่น Johnny กับ Ben Grimm ขาดการพัฒนาที่ลึก และภารกิจรับมือ Galactus / Silver Surfer กลายเป็น “มอนสเตอร์ประจำสัปดาห์” ซึ่งยังไม่ได้แสดงความหมายหรืออันตรายที่แท้จริง—รู้สึกเหมือนเป็นเพียงบทเตรียมสำหรับภาพยนตร์ภาคต่อมากกว่า 

งาน action ดีไซน์แสงสีสวย แต่พล็อตหลักบางช่วงรู้สึกขาดแรงผลักดัน บางฉากต่อสู้ใหญ่ที่ประกาศว่าเป็นส่วนสำคัญกลับกลายเป็น “ไม่เด่นเท่าที่ควร” สำหรับหนังจักรวาลใหญ่ของ Marvel แม้แต่การเปิดตัว Doctor Doom ในนาทีท้าย ๆ ก็ยังรู้สึกเหมือนการซ้อนเส้นทางภาคใหม่มากกว่าสำคัญกับเนื้อเรื่องหลัก