Everybody Loves Me When I’m Dead ลักกันวันตาย (2025)

Everybody Loves Me When I’m Dead ลักกันวันตาย (2025)
  • ชื่อหนัง: Everybody Loves Me When I’m Dead
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: อาชญากรรม, ดราม่า, ระทึกขวัญ
  • ผู้กำกับ: นิติวิทย์ ธาราธร (Nithiwat Tharatorn)
  • ความยาว: ประมาณ 128 นาที
  • วันเข้าฉาย: 14 ตุลาคม 2025 (Netflix)
  • คะแนน IMDb: 6.1/10
  • นักแสดง:
    • ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ (Theeradej Wongpuapan)
    • วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล (Vachirawich Wattanapakdeepaisan)
    • จุลจักร จักรพงษ์ (Chulachak Chakrabongse)
    • ฟาติมา เดชาเวลีกุล (Fatima Dechawaleekul)
    • กุลณัฐ กุลปรีชา (Namfon Kullanat)
    • อลิสสา อินทุสมิท (Alissa Intusmith)
    • และนักแสดงสมทบอีกหลายคน

เรื่องย่อ

เรื่องราวของ Toh พนักงานธนาคารที่เผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจและอนาคตการงานที่ไม่มั่นคง เขาต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนของลูกสาวที่กำลังจะไปเรียนต่างประเทศ ขณะที่ภาระหนี้สินรุมเร้าและชีวิตกำลังถึงทางตัน วันหนึ่งเขาได้รับข้อเสนอจาก Petch เพื่อนร่วมงานให้ถอนเงิน 30 ล้านบาทจากบัญชีของผู้หญิงที่เสียชีวิตและไม่มีทายาท

สิ่งที่เริ่มต้นจาก “แผนหาเงินทางลัด” กลายเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย เมื่อเงินก้อนนั้นไม่ใช่เงินธรรมดา แต่เป็นสมบัติที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม พัทยากลายเป็นฉากหลังของสงครามระหว่างแก๊งมาเฟีย การหักหลัง และความตายที่รออยู่ทุกมุม ทั้ง Toh และ Petch ถูกบังคับให้ก้าวเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย และยิ่งถลำลึกลงไป ความหวังที่จะรอดพ้นยิ่งริบหรี่

นี่คือภาพยนตร์ที่ตั้งคำถามกับศีลธรรมและความจำเป็นของมนุษย์ ว่าในวันที่จนตรอก คนเราจะเลือกทางไหนระหว่าง “สิ่งที่ถูกต้อง” กับ “สิ่งที่รอดตาย”

รีวิว

Everybody Loves Me When I’m Dead ไม่ได้เป็นเพียงหนังอาชญากรรม แต่เป็นกระจกสะท้อนความจริงของชนชั้นกลางที่ถูกบีบด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคม เรื่องราวของ Toh แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของคนที่ต้องการเพียงแค่ชีวิตที่ดีกว่าให้ครอบครัว แต่กลับถูกสถานการณ์ผลักให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางมืด

การเล่าเรื่องของผู้กำกับ นิติวิทย์ ธาราธร ทำให้บรรยากาศของหนังเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทุกการตัดสินใจของตัวละครหลักชวนให้ผู้ชมรู้สึก “ลุ้นและอึดอัด” ไปพร้อมกัน ภาพของพัทยาที่เต็มไปด้วยแก๊งอาชญากรรมและการหักหลังกันเอง ถูกถ่ายทอดอย่างสมจริงและมีน้ำหนักทางอารมณ์ ขณะที่นักแสดงนำอย่างธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ถ่ายทอดบทพ่อผู้สิ้นหวังได้อย่างเข้มข้น ทำให้คนดูเชื่อในความกดดันและความสับสนที่ตัวละครเผชิญ

โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้เป็นมากกว่าความบันเทิง มันคือการชำแหละสังคมที่คนธรรมดาต้องเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อหนทางรอด และตั้งคำถามต่อผู้ชมว่า “คุณจะทำอย่างไร หากคุณเป็น Toh?”

เรื่องที่เกี่ยวข้อง