รีวิวหนัง Afterburn (2025)

รีวิวหนัง Afterburn (2025)
  • ชื่อหนัง: Afterburn
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: แอ็กชั่น / ไซไฟ / โลกหลังหายนะ (post-apocalyptic) 
  • ผู้เขียนบท: Matt Johnson และ Nimród Antal
  • ความยาว: 106 นาที 
  • วันเข้าฉาย: 22 สิงหาคม 2025 (ฉายแบบจำกัด) 
  • คะแนน IMDb: 4.5/10
  • นักแสดง:
     • Dave Bautista รับบท Jake 
     • Samuel L. Jackson รับบท August Valentine
     • Olga Kurylenko รับบท Drea
     • Kristofer Hivju รับบท General Volkov

ดูหนัง: Afterburn (2025)

เรื่องย่อ

เหตุการณ์หลักใน Afterburn เกิดขึ้นหลังจากที่โลกประสบแผ่นดินไหวทางเทคโนโลยี: ห้วงเวลาหลังจากการระเบิดสุริยะ (solar flare) ขจัดระบบเทคโนโลยีทั่วโลกออกไปเป็นเวลาหลายปี ฝั่งตะวันออกของโลกล่มสลาย เกิดสภาพแวดล้อมที่รกร้าง ขาดทรัพยากร และผู้คนต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอด

ในโลกที่อยู่เหนือเงามืดของอดีต Jake อดีตทหารกลายเป็น “นักล่าสมบัติ” ที่รับจ้างตามล่าและกู้คืนวัตถุโบราณล้ำค่าจากยุคก่อนฟ้าผ่า เช่น ภาพ Mona Lisa หรือบางชิ้นส่วนของอารยธรรม เพื่อให้กับลูกค้าที่มีอำนาจและเงินทุน August Valentine คือหนึ่งในลูกค้าหลักของเขา — เขามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมรดกของมนุษยชาติที่ควรถูกเก็บรักษาไว้

ในการเดินทางของ Jake เขาต้องเผชิญกับฝ่ายต่อต้าน ผู้ปกครองเขตต่าง ๆ (warlords) อย่าง General Volkov ที่มีอำนาจควบคุมฝรั่งเศส และยังมี Drea นักรบฝ่ายต่อต้านเข้ามาเกี่ยวข้องในแผนการฟื้นฟูความหวังให้แก่ผู้ยากไร้ ภารกิจที่จะกู้ Mona Lisa กลายเป็นกุญแจสำคัญในการโยงหลายแรงขับเคลื่อน: ความหวัง, ความขัดแย้ง และบทพิสูจน์ว่าแม้ในโลกที่แตกสลายแล้ว มนุษย์ยังต้องการสิ่งที่ “มีคุณค่า” มากกว่าแค่การเอาตัวรอด

รีวิว

Afterburn มีความทะเยอทะยานในแนวคิด — การผสมผสานเรื่องราวการปล้นสมบัติในโลกหลังหายนะเข้ากับแรงปรารถนาที่จะให้ศิลปะและวัตถุทางวัฒนธรรมยังคงอยู่ — แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในบทและโครงเรื่องได้

จุดแข็งของหนังอยู่ที่ฉากแอ็กชันและบรรยากาศที่สร้างโลกหลังวันโลกาวินาศได้ — บางฉาก เช่น การแทรกซึมเข้าไปในเขตอันตราย การยิงปะทะ และความตึงเครียดระหว่างตัวละคร ถูกออกแบบมาอย่างจัดจ้านและมีมุมมองภาพที่ใช้โลเคชันในยุโรปแทนฝรั่งเศสได้ดี 

อย่างไรก็ดี บทหนังมีจุดอ่อนที่ไม่อาจมองข้าม: โครงเรื่องหลายจุดคาดเดาได้ง่าย ตัวละครบางตัวถูกพัฒนาไม่เต็มที่ และองค์ประกอบเหนือธรรมชาติ / พลังพิเศษหรือลักษณะที่ดู “เหนือจริง” ถูกนำมาใช้บ้างในจุดที่ทำให้ความสมจริงลดลง นอกจากนี้ รีวิวบางฉบับก็วิจารณ์ว่าหนังมีจังหวะที่ลากยาวในส่วนที่เป็น exposition มากกว่าการเคลื่อนไหวที่กระชับ

สรุปคือ Afterburn เป็นหนังที่น่าสนใจถ้าคุณชอบแนวยุคหลังหายนะ + สมบัติล่า + แอ็กชัน — แต่หากคุณต้องการบทลึก การสร้างตัวละครแน่น และจังหวะที่กระชับ อาจพบความผิดหวังบางส่วนได้ครับ

ดูหนัง: Afterburn (2025)