รีวิว Dora and the Search for Sol Dorado ดอร่ากับการตามหาพระอาทิตย์สีทอง (2025)

Dora and the Search for Sol Dorado ดอร่ากับการตามหาพระอาทิตย์สีทอง (2025)
  • ชื่อหนัง: Dora and the Search for Sol Dorado
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: Adventure / Comedy / Family
  • ผู้กำกับ: Alberto Bell
  • ความยาว: 96 นาที 
  • วันเข้าฉาย: 2 กรกฎาคม 2025 (สหรัฐ) และ 4 กรกฎาคม 2025 (นานาชาติ) 
  • คะแนน IMDb: 4.0/5 (อ้างอิงจากผู้ใช้บน IMDb) 
  • นักแสดง:
    • Samantha Lorraine รับบท Dora Márquez 
    • Jacob Rodriguez รับบท Diego Márquez 
    • Danielle Pineda รับบท Camila the Crusader 
    • Mariana Garzón Toro รับบท Naiya
    • Gabriel Iglesias (ให้เสียง Boots)
    • Acston Luca Porto, Christian Gnecco Quintero, อื่นๆ

เรื่องย่อ

สิบปีก่อน, คุณปู่ของ Dora และ Diego ได้เล่าเรื่อง Incan เกี่ยวกับ “Sol Dorado” ดวงดาววิเศษที่ตกลงมาและสามารถขอพรอย่างเสียสละได้ เมื่อนางเอกของเราโตเป็นวัยรุ่น (เล่นโดย Samantha Lorraine) เธอตัดสินใจออกค้นหาดวงดาวนั้นในป่าแอมะซอนพร้อมกับ Diego และ Boots เจ้าลิงคู่ใจ เรื่องราวเริ่มต้นจากถ้ำลึกลับที่เต็มกับดักโบราณ เช่น ทางเดินยุบและไฟระเบิด ทำให้ Dora สูญเสียแผนที่ (Map) และทำให้ความเชื่อในตัวเองสั่นคลอน ก่อนเริ่มต้นเข้าสู่ Jungle World ซึ่งเป็นธีมปาร์คที่บริหารโดย Camila ผู้กำลังตามหา “Emperor’s Bracelet” ซึ่งเป็นกุญแจนำทางไปยัง Sol Dorado ตัว Camila ส่งลูกสมุนไล่ล่า Dora และผู้ร่วมทาง ฝ่านหลายด่าน ทั้งสุสาน Incan, ฝูงแมคอว์ และกับดักลับระหว่างทาง การเดินทางครั้งนี้เผยให้เห็นถึงความหมายของการทำสิ่งที่ขาดไม่ได้, ความเติบโต และความเสียสละ โดยเน้นว่าจริงๆ แล้ว Dora ก็ “เป็นแผนที่ด้วยตัวเอง” ซึ่งทำให้ทุกอย่างกระจ่างเมื่อถึงจุดสุดท้าย

รีวิว

ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นในแง่การเล่าเรื่องที่มีน้ำหนักกว่า Dora ภาคก่อน (เช่น Lost City of Gold) และลงลึกในธีม “ coming-of-age” อย่างชัดเจน ผู้กำกับ Alberto Belli เลือกเส้นทางแบบเรียบง่ายแต่มีพลัง สร้างสมดุลระหว่างฉากบู๊แบบลุ้นระทึก อารมณ์ขันบางเบา และบทเรียนชีวิตที่สอนให้เราริเริ่มและเติบโต 

สิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนหนังคือ คาแรกเตอร์ Dora ของ Samantha Lorraine ที่มีความเฉลียวฉลาด กล้า และมีเสน่ห์อ่อนโยนในแบบวัยรุ่น พลังของเธอชวนให้นึกถึง Indiana Jones สำหรับเด็กๆ หลายคนชื่นชอบฉาก action ที่คล้ายคลึงและรวดเร็ว ต่อยอดให้หนังไม่รู้สึกอืด แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าขาดความโดดเด่น ไม่จดจำได้ชัดเจน (featureless blob) ซึ่งอาจมาจากบทที่เน้นเดินเรื่องตามสูตรไล่เก็บด่านลุ้นโชคมากไปสักหน่อย 

หลายรีวิวองค์กร เช่น Parents ชมว่า “refreshing take” เน้น growth, identity และ sacrifice ส่วน Variety ชมว่าเป็น “flawed family‑friendly movie” แต่ให้คุณค่าทางครอบครัวมากกว่าคุณค่าทางศิลปะ 

อีกจุดเด่นคือการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมยุค Inca เช่น Quechua, quipu และ ayllu ซึ่งช่วยเติมมิติความรู้เชิงประวัติศาสตร์ และสอดแทรกคุณค่าของความไม่เห็นแก่ตัวและความร่วมมือในชุมชน จุดนี้โดนชมว่าทำให้หนังมีหัวใจ แม้บางเสียงก็เห็นว่ามีความไม่แม่นด้านวัฒนธรรมสเปน-ละตินบางจุด 

โดยภาพรวม หนังมีไว้สำหรับผู้ชมวัย 6‑12 ปี และครอบครัวที่อยากหาหนังผจญภัยใจดีดูด้วยกัน มันไม่ใช่หนังที่ “ปังสะเทือนใจ” แต่ก็เรียบร้อย เสริมพลังบวก ให้บทเรียน ทำให้ไม่รู้สึกเสียเวลา

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Weapons เวเพินส์ (2025)
Nocturnal แค้นนี้เอาให้น็อค (2025) | หนังแอคชั่นเกาหลีมาใหม่
รีวิวหนัง The Toxic Avenger Unrated ฮีโร่พันธุ์ท็อกซิก (2025)
รีวิวหนังใหม่ The Shadow’s Edge แผนระห่ำ ใหญ่ฟัดเดือด (2025)
Tomb Watcher สุสานคนเป็น (2025)
The Conjuring: Last Rites เดอะ คอนเจอริ่ง คนเรียกผี พิธีกรรมครั้งสุดท้าย (2025)