รีวิวซีรีส์ Squid Game Season 3 สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ซีซั่น 3 (2025)

Squid Game Season 3 สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ซีซั่น 3 (2025)
  • ชื่อหนัง: Squid Game Season 3
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: ดราม่า / ระทึกขวัญ / เอาชีวิตรอด / สังคม
  • ผู้กำกับ: ฮวัง ดงฮยอก (Hwang Dong-hyuk)
  • ความยาว: 6 ตอน (ประมาณตอนละ 50–60 นาที)
  • วันเข้าฉาย: 27 มิถุนายน 2025 (ฉายทาง Netflix)
  • คะแนน IMDb: ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ (ณ ช่วงเปิดตัวต้นฤดูกาล)
  • นักแสดง:
    • อีจองแจ (Lee Jung-jae) รับบท กีฮุน / ผู้เล่นหมายเลข 456
    • อีบยองฮอน (Lee Byung-hun) รับบท ฟรอนต์แมน
    • วีฮาจุน (Wi Ha-joon) รับบท ฮวังจุนโฮ
    • อิมชีวาน (Im Si-wan)
    • พัคกยูยอง (Park Gyu-young)
    • คังฮานึล (Kang Ha-neul)
    • พัคซองฮุน (Park Sung-hoon)

เรื่องย่อ

หลังจากเหตุการณ์ในซีซั่น 2 ที่กีฮุนพยายามเปิดโปงองค์กรเบื้องหลังเกมมรณะ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกสุดท้าย—กลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง เพื่อทำภารกิจที่ไม่มีใครกล้าทำ นั่นคือ “หยุดเกมนี้ให้สิ้นซาก” แต่การกลับเข้าไปไม่ง่ายเหมือนเดิม เมื่อฟรอนต์แมนผู้เป็นตัวกลางระหว่างผู้เล่นกับผู้คุมเกม ยกระดับการแข่งขันด้วยกติกาใหม่และการบงการที่ซับซ้อนขึ้น พร้อมทั้งผู้เล่นกลุ่มใหม่ที่ล้วนมีภูมิหลังและแรงผลักดันเฉพาะตัว

ในขณะที่ผู้เล่นต้องเอาชีวิตรอดจากเกมที่โหดขึ้นเรื่อย ๆ กีฮุนต้องหาทางสร้างพันธมิตรใหม่ ท้าทายกฎเก่าของเกม และเอาชนะกับดักทางจิตใจที่ฟรอนต์แมนวางไว้ จุดเด่นของซีซั่นนี้อยู่ที่การตั้งคำถามว่า “ความยุติธรรมมีจริงในระบบที่สร้างมาเพื่อฆ่า?” และ “การเสียสละที่แท้จริงคืออะไร?” เกมสุดท้ายของกีฮุนจึงไม่ใช่แค่เพื่อเอาตัวรอด แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้น—หรือดับสูญไปตลอดกาล

รีวิว

Squid Game Season 3 เป็นบทสรุปที่เข้มข้นและทรงพลังที่สุดของแฟรนไชส์ เกมยังคงโหด—แต่โฟกัสของเรื่องได้เบนไปสู่ความลึกทางอารมณ์และจิตวิทยามากขึ้น การกลับมาของกีฮุนในฐานะคนที่ “เลือกจะกลับเข้าเกม” ไม่ใช่เหยื่อแบบเดิม ทำให้การดำเนินเรื่องเปลี่ยนทิศจากซีซั่นแรกอย่างชัดเจน

ฉากเกมในซีซั่นนี้ออกแบบมาให้สะเทือนใจมากกว่าน่ากลัว โดยเฉพาะเกมที่เล่นกับ “ความทรงจำ” และ “การยอมรับความผิด” ซึ่งไม่ใช่แค่เกมฆ่า แต่เป็นเกมที่บีบบังคับให้ตัวละครเผชิญหน้ากับตัวเอง การแสดงของอีจองแจยังคงทรงพลัง ขณะที่ลีบยองฮอนยกระดับบทบาทฟรอนต์แมนให้ลึกและน่าเกรงขามขึ้นกว่าเดิม และนักแสดงใหม่อย่างอิมชีวานและโจยูริก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่เติมเต็มเส้นเรื่องได้ดี

แม้บางจุดของเนื้อเรื่องจะถูกวิจารณ์ว่าเดินเรื่องเร็วเกินไป หรือทิ้งตัวละครรองที่น่าสนใจไว้กลางทาง แต่ซีรีส์ยังคงรักษาสารหลักของ Squid Game ไว้ได้อย่างครบถ้วน นั่นคือการวิพากษ์ทุน สังคม และจิตใจมนุษย์ ภายใต้เกมที่ทั้งล่อแหลมและลวงหลอกอย่างแสบลึก

สรุป: Squid Game Season 3 คือบทปิดของซีรีส์ที่เริ่มจากเกมเด็กแต่จบด้วยคำถามของผู้ใหญ่ กล้าจบ กล้าทิ้ง และกล้าทำให้เรานั่งเงียบอยู่นานหลังเครดิตขึ้น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รีวิวซีรีส์ Love Scout รับจ้างจัดหารัก (2025)
รีวิวหนัง Straw ฟางเส้นสุดท้าย (2025)
รีวิวหนัง Cells at Work! เซลล์ขยันพันธุ์เดือด (2024)
รีวิวซีรีส์ Good Boy แชมป์ปราบอาชญากร (2025) | พัคโบกอม คิมโซฮยอน อีซังอี
รีวิวซีรีส์ใหม่ The First Night with the Duke ตื่นมาอีกทีก็มีพระเอกนอนอยู่ข้างๆ (2025)
รีวิวหนัง BULLET TRAIN ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า (2022)