รีวิวหนัง Until Dawn (2025) ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง

รีวิวหนัง Until Dawn (2025) ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง
รีวิวหนัง Until Dawn (2025) ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง
  • ชื่อหนัง: Until Dawn (ชื่อไทย: ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง)
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: สยองขวัญ / ระทึกขวัญ / ไซไฟ
  • ผู้กำกับ: David F. Sandberg
  • ความยาว: 103 นาที
  • วันเข้าฉาย: 25 เมษายน 2025
  • คะแนน IMDb: 6.2 / 10
  • นักแสดง:
    • Ella Rubin รับบท Clover Paul
    • Michael Cimino รับบท Max
    • Odessa A’zion รับบท Nina Riley
    • Ji-young Yoo รับบท Megan
    • Belmont Cameli รับบท Abe
    • Maia Mitchell รับบท Melanie Paul
    • Peter Stormare รับบท Dr. Alan J. Hill

เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ Clover Paul และกลุ่มเพื่อนเดินทางไปยัง Glore Valley ตามรอยพี่สาวของเธอที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหนึ่งปีก่อน พวกเขาเข้าไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเก่าที่ถูกทิ้งร้าง และถูกโจมตีโดยฆาตกรสวมหน้ากากอย่างโหดเหี้ยม แต่แทนที่พวกเขาจะตายอย่างถาวร เช้าวันใหม่กลับไม่เคยมาถึง พวกเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเวลาเดิม และพบว่าตนเองติดอยู่ในลูปเวลาแห่งความตายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ด้วยภัยคุกคามที่เปลี่ยนรูปแบบในแต่ละรอบ พวกเขาจึงต้องหาทางไขปริศนาและเอาชีวิตรอดจนถึงรุ่งเช้า เพื่อยุติลูปนี้ให้ได้ ระหว่างทาง ความลับเกี่ยวกับพี่สาวของ Clover และอดีตของแต่ละคนก็เริ่มเปิดเผย นำไปสู่บทสรุปที่อาจไม่มีใครคาดคิด

รีวิว

Until Dawn เป็นการดัดแปลงจากวิดีโอเกมชื่อดังในปี 2015 โดยยังคงโทนความสยองและการเอาชีวิตรอดไว้ได้อย่างครบถ้วน ผู้กำกับ David F. Sandberg นำเสนอสไตล์ภาพยนตร์ที่ผสมผสานหลากหลายแนวสยองขวัญ ทั้ง slasher, supernatural, และ found footage ได้อย่างมีจังหวะ แม้โครงเรื่องจะอยู่ในกรอบของ “ลูปเวลา” ที่อาจทำให้รู้สึกซ้ำ แต่หนังก็มีลูกเล่นและความพลิกผันที่พอจะรักษาความตื่นเต้นไว้ได้

การแสดงของ Ella Rubin ในบทนำถือว่าน่าเชื่อถือ และมีพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเรื่องดำเนินไป ส่วน Ji-young Yoo และ Odessa A’zion ก็เติมพลังและความดราม่าให้กลุ่มตัวละครอย่างสมดุล จุดแข็งของหนังอยู่ที่บรรยากาศลึกลับและการใช้สถานที่แบบกึ่งปิดซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัดและกดดันตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกัน การเล่าเรื่องก็มีจังหวะเนือยในช่วงกลางเรื่อง และตัวละครบางรายยังขาดมิติที่ลึกพอให้รู้สึกผูกพัน

แม้จะไม่สามารถเทียบชั้นหนังสยองขวัญระดับขึ้นหิ้งได้ แต่ Until Dawn ก็ยังถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่แฟนเกมต้นฉบับสามารถเพลิดเพลินได้ และสำหรับคนที่ชอบหนังแนวเอาชีวิตรอดในคืนโหด มันยังมีอะไรให้ติดตามอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการเปิดเผยความลับท้ายเรื่องที่เพิ่มมิติให้กับบทสรุปได้อย่างน่าสนใจ