รีวิวซีรีส์ สายรักสายเลือด (2025) Game of Succession

รีวิวซีรีส์ สายรักสายเลือด (2025) Game of Succession
รีวิวซีรีส์ สายรักสายเลือด (2025) Game of Succession
  • ชื่อเรื่อง: สายรักสายเลือด: Game of Succession
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: ดราม่า, ครอบครัว, ระทึกขวัญ
  • ผู้กำกับ: ณัชชานิษฐ์ จิรรุ่งโรจน์
  • ความยาว: 12 ตอน ตอนละประมาณ 60 นาที
  • วันเข้าฉาย: 10 เมษายน 2025 (ออกอากาศทางช่อง 3 ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น.)
  • คะแนน IMDb: 7.9 / 10
  • นักแสดง:
    • ธีรเดช เมธาวรายุทธ รับบท เมฆินทร์
    • ญีนา ซาลาส รับบท มนต์มีนา
    • ณัฐวุฒิ สกิดใจ รับบท เจ้าสัวหวัง
    • ภาสวิชญ์ บูรณนัติ รับบท ดีแลน
    • ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต รับบท ปรินทร์ เหมรัตน์ศิริ
    • อัมรินทร์ นิติพน รับบท ปรเมศ เหมรัตน์ศิริ

เรื่องย่อ

เมื่อเจ้าสัวพิชัย มหาเศรษฐีอันดับต้นของประเทศ ล้มป่วยกระทันหันและไร้ทายาทที่ถูกวางตัวอย่างชัดเจน เกมแห่งอำนาจและมรดกจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดในตระกูล “สายใจ” ที่เต็มไปด้วยบาดแผลเก่าและความทะเยอทะยาน ภูวดล ลูกชายคนโตผู้เงียบขรึมต้องเผชิญหน้ากับน้องชายต่างมารดาอย่างภูริทัต ผู้ที่ไม่เคยยอมรับเขา และภาคินี ลูกสาวที่ถูกตัดออกจากวงโคจรมานานกลับมาทวงสิทธิ์ของตัวเองในเกมแห่งสายเลือด

ขณะที่ความขัดแย้งในตระกูลคุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ น้ำริน เด็กสาวนอกสายตาผู้เติบโตมาอย่างยากลำบาก กลับมีบทบาทสำคัญที่อาจเปลี่ยนชะตาทั้งหมด ความลับที่ถูกฝังไว้และการหักหลังเริ่มเผยโฉมทีละน้อย เมื่อทุกคนต้องเลือกว่าความรักหรือความทะเยอทะยานจะเป็นสิ่งที่นำทางพวกเขาไปสู่ชัยชนะในศึกสายเลือดครั้งนี้

รีวิว

สายรักสายเลือด: Game of Succession เป็นซีรีส์ไทยที่ฉีกกฎดราม่าครอบครัวแบบเดิมๆ ด้วยการเล่าเรื่องที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความตึงเครียดทางอารมณ์ บรรยากาศของเรื่องสะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างความรักในสายเลือดกับแรงผลักดันจากความโลภและความเจ็บปวดที่สะสมมาอย่างยาวนาน นักแสดงแต่ละคนถ่ายทอดบทบาทได้อย่างถึงใจ โดยเฉพาะปรมะในบทภูวดล ที่แบกความนิ่งและความเจ็บลึกไว้ได้อย่างสมบูรณ์

การเดินเรื่องรวดเร็วแต่ไม่ละเลยรายละเอียด โดยแต่ละตอนจะค่อย ๆ เปิดเผยปมใหม่ๆ ที่ทำให้คนดูต้องลุ้นตามจนแทบหยุดหายใจ ซีรีส์ยังโดดเด่นด้วยภาพและการกำกับที่ให้ความรู้สึกหรูหราแต่ขมขื่น แฝงความจริงของสังคมไทยในวงการธุรกิจและครอบครัวผู้มีอิทธิพล สายรักสายเลือด จึงเป็นซีรีส์ที่ทั้งสนุก ตึงเครียด และสะท้อนแง่มุมของอำนาจได้อย่างลึกซึ้ง แม้จะไม่ซับซ้อนเท่าเวอร์ชันต่างประเทศ แต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้น่าติดตามทุกตอน