รีวิวหนัง The Sixth Sense (1999) ซิกซ์เซ้นส์…สัมผัสสยอง

รีวิวหนัง The Sixth Sense (1999) ซิกซ์เซ้นส์...สัมผัสสยอง
รีวิวหนัง The Sixth Sense (1999) ซิกซ์เซ้นส์...สัมผัสสยอง
  • ชื่อหนัง: The Sixth Sense
  • ปีที่ฉาย: 1999
  • หมวดหมู่: สยองขวัญ, ระทึกขวัญ, ดราม่า
  • ผู้กำกับ: M. Night Shyamalan
  • ความยาว: 107 นาที
  • วันเข้าฉาย: 6 สิงหาคม 1999 (สหรัฐอเมริกา)
  • คะแนน IMDb: 8.2/10
  • นักแสดง:
    • Bruce Willis รับบท Dr. Malcolm Crowe
    • Haley Joel Osment รับบท Cole Sear
    • Toni Collette รับบท Lynn Sear
    • Olivia Williams รับบท Anna Crowe
    • Donnie Wahlberg รับบท Vincent Grey

เรื่องย่อ

Dr. Malcolm Crowe (Bruce Willis) เป็นนักจิตวิทยาเด็กที่เคยได้รับรางวัลด้านจิตเวชศาสตร์ แต่ชีวิตของเขากลับต้องพบกับจุดเปลี่ยน เมื่อวันหนึ่งเขาถูก Vincent Grey อดีตคนไข้ที่เคยรักษาในวัยเด็กบุกมายิงในบ้าน ก่อนที่ Vincent จะปลิดชีพตัวเอง

หลายเดือนต่อมา Malcolm ได้รับเคสของ Cole Sear (Haley Joel Osment) เด็กชายวัย 9 ขวบที่มีพฤติกรรมหวาดกลัวและโดดเดี่ยว Cole เปิดเผยความลับของเขากับ Malcolm ว่าเขา “เห็นคนตาย” อยู่ตลอดเวลา ซึ่ง Malcolm เองก็ต้องพยายามหาทางช่วยเด็กชายให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

ตลอดเรื่อง Malcolm ค่อย ๆ ค้นพบว่าปรากฏการณ์ของ Cole อาจไม่ได้เป็นเพียงภาพหลอน และนำไปสู่บทสรุปที่ทำให้ผู้ชมต้องอึ้งในช่วงท้ายของภาพยนตร์

รีวิว

The Sixth Sense เป็นภาพยนตร์ที่ถือเป็นหนึ่งในตำนานของแนวระทึกขวัญที่มาพร้อมกับ “จุดหักมุม” อันโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดย M. Night Shyamalan ผู้กำกับและมือเขียนบทสามารถสร้างบรรยากาศของความน่ากลัวและความกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม

การแสดงของ Haley Joel Osment ในบท Cole Sear นั้นเป็นจุดเด่นของเรื่อง เขาถ่ายทอดอารมณ์ของเด็กที่ต้องเผชิญกับความหวาดกลัวและความโดดเดี่ยวได้อย่างสมจริง จนทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ขณะที่ Bruce Willis ในบท Dr. Malcolm Crowe ก็แสดงบทบาทได้อย่างสุขุมและลึกซึ้ง

จุดเด่นสำคัญของเรื่องคือ การดำเนินเรื่องที่ชาญฉลาด หนังค่อย ๆ ปล่อยปริศนาและเบาะแสเล็ก ๆ ให้กับผู้ชม และเมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ หนังสามารถทำให้ทุกอย่างย้อนกลับมาเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ทำให้ผู้ชมต้องทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาอีกครั้ง

ด้านงานภาพและเสียงของหนังทำให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดและลึกลับ สีโทนเย็นและแดงถูกใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แฝงในเรื่อง ทำให้คนที่ดูซ้ำสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ได้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
รีวิวหนัง Cells at Work! เซลล์ขยันพันธุ์เดือด (2024)
รีวิวหนัง How to Train Your Dragon อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร (2025) 
รีวิวหนัง BULLET TRAIN ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า (2022)
รีวิวหนัง From the World of John Wick Ballerina จักรวาลของ จอห์น วิค บัลเลรินา แค้นกว่านรก (2025)
รีวิวหนัง The Unbreakable Boy เด็กชายหัวใจไม่แพ้ (2025)
รีวิวซีรีส์ Our Unwritten Seoul เขียนชีวิตใหม่ในกรุงโซล (2025)